รถเป็นส่วนจำเป็นที่ทุกคนใช้อยู่ทุกวัน แรกๆ ยังมีประกันคุณภาพจากศูนย์รถยนต์ให้พออุ่นใจ เผื่อรถเสีย ก็ยังมีคนดูแลให้ แต่ทีนี้พอเวลาผ่านไปอาการเสียหลายอย่างก็เริ่มตามมามากขึ้นเรื่อยๆ ประกันคุณภาพก็หมดจะฝากให้ใครดูแลกัน??
จะกลับไปใช้บริการศูนย์บริการเดิมค่าใช้จ่ายก็แพงหูฉี่ ต้องทิ้งรถไว้ให้ศูนย์อีก แถมใช้เวลานาน
เพราะต้องรอคิวซ่อม วันนี้ ดร.อ๋อ หมอรถ มีวิธิการดูแลรถหมดระยะประกันคุณภาพมาฝากครับ
อันดับแรก
ดูแลรถของท่านตามคู่มือรถที่ได้มาตั้งแต่ซื้อ แต่ทั้งนี้ความถี่ในการดูแลรักษาจะถี่ขึ้น
หมวดน้ำมันเครื่อง
รถยนต์ที่ยังอยู่ในระยะ 100000 - 150000 ยังสามารถใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ได้ เปลี่ยนถ่ายทุก 6 เดือนหรือ 10000 กิโลเมตร
สำหรับรถที่เลขไมล์ 150001 - 200000 ให้ใช้น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์เปลี่ยนถ่ายทุก 4 เดือน หรือ 7000 กิโลมเตร
รถที่เลขไมล์ 200001 ขึ้นไป แนะนำให้ใช้เป็นน้ำมันเครื่องมาตรฐาน (20w50) เปลี่ยน
ถ่ายทุก 3 เดือนหรือ 5000 กิโลเมตร
แล้วการนำรถเข้าศูนย์ตัวแทนจำหน่ายโดยตรงเป็นอย่างไร
ข้อดีที่คุณจะได้จากการนำรถเข้าศูนย์ตัวแทนจำหน่ายโดยตรงของรถยี่ห้อนั้นๆ คือ ศูนย์บริการจะมีประวัติรถคุณอยู่แล้ว เครื่องมือพิเศษเฉพาะรถรุ่นนั้นๆ การรับประกัน และอะไหล่เฉพาะรถรุ่นนั้นๆ มั่นใจได้ แต่ข้อเสียคือ ค่าใช้จ่ายสูงถึงสูงมาก และมีคิวในการเข้ารับบริการ ซึ่งอาจต้องทิ้งรถไว้ แล้วมารับรถภายหลัง
ขอบคุณภาพจาก http://www.toyotabuzz.com/
แล้วถ้านำรถเข้าศูนย์บริการเร่งด่วนล่ะ?
ศูนย์บริการรถยนต์แบบเร่งด่วนจะเป็นลักษณะของการเปลี่ยนมากกว่าซ่อม เพื่อความสะดวกรวด
เร็วนั่นเองซึ่งทั้งศักยภาพและราคาก็ต่างกันไปตามแต่ละศูนย์ทั้งนี้ต้องดูพื้นเพของศูนย์บริการเร่งด่วนก่อนว่า พัฒนามาจากร้านแบบไหน เป็นร้านขายยาง หรือเป็นร้านเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
ข้อดีคือราคาถูก แต่ทั้งนี้ผู้ใช้ก็ต้องศึกษามาก่อนว่า ชิ้นส่วนที่นำมาเปลี่ยนนั้นเข้ากับรถของตนได้
หรือเปล่า ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดปัญหาเมื่อเปลี่ยนไปแล้วได้ ทั้งนี้หากเป็นศูนย์ที่เน้นตรวจเช็คระยะโดยตรง เครื่องไม้เครื่องมือก็ครบครันไม่แพ้ศูนย์ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ จึงพอจะมั่นใจได้ในระดับหนึ่งครับ
แล้วต่างกับอู่ซ่อมทั่วไปไหม?
หากจะนำรถเข้าอู่ซ่อมทั่วไป ควรจะตรวจสอบก่อน ว่ามีเครื่องมือครบครัน ได้มาตรฐานหรือไม่ ฝีมือช่าง การคิดราคาอย่างตรงไปตรงมาของเจ้าของอู่ รวมถึงคุณภาพอะไหล่และการรับประกันการซ่อม
แม้ว่าการดูแลรถจะนับตามระยะทางหรือระยะเวลา แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้รถด้วยนะครับ ว่าใช้งานหนักมากน้อยแค่นี้ เมื่อเรารู้ปัจจัยหลายอย่าง เราก็จะดูแลได้ถูกต้องมากขึ้นและ รถคู่ใจก็จะอยู่กับเราไปอีกนานครับ
Comments